วัดคินคะคุจิ ชื่อนี้คงคุ้นหูใครหลายคนที่เคยดูการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญากันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าวัดแห่งนี้นั้นมีอยู่จริง ๆ และตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นนี้เอง และเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวในชื่อเล่นอย่างวัดทองแห่งเมืองเกียวโต อันเนื่องมาจากอาคารหลักของ วัดคินคะคุจิ เป็นสีทองเรืองรองทั้งหลังตั้งอยู่ริมน้ำ เมื่อต้องแสงก็สะท้อนสีทองสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ยลกัน
เดิมทีวัดคินคะคุจิสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิคะงะ โยะชิมิสึแล้วจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นวัดในนิกายเซนในภายหลัง และด้วยความงดงามของอาคารหลักสีทองเรืองรองแบบนี้ก็เคยทำให้พระนักเขียนผู้ชื่นชอบในความงามอของวัดคินคะคุจิลงมือเผาวัดไปพร้อมกับตนเอง จนต้องทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1950 เลยทีเดียว
พลับพลาสีทองในวัดคินคะคุจิปัจจุบันยังคงสภาพของอาคารสีทองสูงสามชั้น สูงรวม 12.8 เมตร มีความกว้างของตัวอาคารที่ 10 เมตร ขณะที่ยาว 15.2 เมตร และที่เห็นสีทองอร่ามนั้นไม่ใช่เพราะการทาสีแต่เป็นการปิดแผ่นทองคำบริสุทธิ์น้ำหนักรวมกว่า 20 กิโลกรับทับลงไปจนได้สีทองสวยงามแบบนั้น ภายในอาคารเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุหลายชิ้น และบนยอดลังคาก็ยัประดับด้วยรูปนกโฮโอทองคำ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อนกฟีนิกส์ที่มีความหมายถึงความอมตะอีกด้วย
นอกจากความสวยงามของอาคารหลักในวัดคินคะคุจิแล้ว การตกแต่งทุกรายละเอียดภายในวัดยังคงมีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ การจัดสวนญี่ปุ่นที่ให้ความสงบเรียบง่าย แต่แฝงด้วยปรัญชาที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลง ทำให้ช่วงเวลาที่มาท่องเที่ยวยังวัดคินคะคุจิที่เหมาะที่สุดก็คงหนีไม่พ้นช่วงเดือนตุลาถึงพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้พบเห็นความงามของสีสันใบเมเปิลสีแดงสดและฉากหลังของท้องฟ้ามืดครึ้มที่จะช่วยขับให้พลับพลาทองคำเปล่งประกายงดงามได้ยิ่งกว่าช่วงไหน ๆ ของปี